@2017 www.pe.eng.ku.ac.th Professional Engineering
บทที่ 3 เทคโนโลยีด้านการสำรวจ (ต่อ)
Highway Road Inventory
การประยุกต์ใช้กล้องถ่ายภาพ 360 องศาและจุดเลเซอร์Point Cloud สำหรับวิเคราะห์แนวกึ่งกลางสายทาง Road Centerline และข้อมูลตำแหน่งทรัพย์สินในเขตทาง
วิเคราะห์และจัดทำระบบฐานข้อมูลด้านงานทาง จะได้ภาพด้านล่าง
ROW Mapping
การประยุกต์ใช้กล้องถ่ายภาพ 360 องศาและจุดเลเซอร์ Point Cloud สำหรับวิเคราะห์แนวกึ่งกลางสายทาง Road Centerline และข้อมูลตำแหน่งทรัพย์สินในเขตทาง
3.3 วิธีการจัดเก็บข้อมูลความเสียหายของถนน
การสำรวจข้อมูลความเสียหายของถนน สามารถสรุปได้เป็น 3 วิธี คือ
1. ใช้บุคคลสำรวจ ทำให้ได้ข้อมูลที่มีความละเอียดสูง หากบุคคลากรที่สำรวจมีความรู้ทักษะจะทำให้ได้ข้อมูลที่มีคุณภาพแม่นยำในระดับหนึ่ง แต่มีข้อจำกัดคือทำงานได้ช้า ต้องใช้บุคลากรเป็นจำนวนมาก หากพื้นที่มีความเสียหายเป็นจำนวนมาก และใช้ต้นทุนสูงในการดำเนินการ
2. การประเมินโดยผู้ประเมินนั่งรถ มีข้อดีคือสามารถประเมินได้ง่าย รวดเร็ว ต้นทุนน้อย แต่มีข้อจำกัดคือข้อมูลที่ได้จะแปรผันตามความรู้สึกของบุคคล ไม่เป็นมาตรฐาน คุณภาพข้อมูลที่ได้จึงขาดความแม่นยำ
3. การใช้กล้องติดรถสำรวจ มีข้อดีคือ ข้อมูลที่ได้จากการสำรวจมีความแม่นยำสูง สามารถลดความผิดพลาดจากบุคคลและสามารถตรวจสอบย้อนดูได้ แต่มีข้อจำกัดคือ ต้องใช้ผู้ดำเนินการที่มีทักษะเฉพาะในการสำรวจและวิเคราะห์ภาพ รวมไปถึงต้นทุนการดำเนินการสูง
จากวิธีการจัดเก็บข้อมูลความเสียหายของถนนทั้ง 3 วิธี เพื่อความเข้าใจง่าย สามารถสรุปเป็นตารางดังต่อไปนี้
ตารางแสดงเปรียบเทียบวิธีการจัดเก็บข้อมูลความเสียหายของถนน
3.4 เทคโนโลยีการสำรวจสภาพถนนในระดับโครงข่าย
- การใช้รถสำรวจชนิด Bump Integrator และรถสำรวจ Hi- Speed Laser เพื่อใช้วัดสภาพพื้นผิวถนน
- การใช้กล้อง Line Scan เพื่อใช้ถ่ายภาพผิวทาตลอดแนวการสำรวจ สามารถบันทึกและนำกลับมาสรุปข้อมูลที่ได้
- การนำภาพถ่ายจากการสำรวจเข้าประมวลผลในโปรแกรมและสามารถวิเคราะห์รอยแตก รอยร้าวประเกทต่างๆที่เกิดขึ้นได้
3.5 เทคโนโลยีการตรวจชั่งรถบรรทุกหนักแบบไม่หยุดรถชนิดติดตั้งใต้สะพาน (Bridge Weigh-in-Motion: B-WIM)
เนื่องจากถนนในประเทศไทยความยาวรวมประมาณ 11,000 กิโลเมตร และกว่า 20 % เป็นรถบรรทุกที่มีน้ำหนักเกินพิกัด มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งและรุนแรง ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยจำเป็นต้องลดความรุนแรงของอุบัติเหตุ ดังนั้นต้องมีเครื่องมือตรวจชั่งน้ำหนักรถที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
หลักการทำงานเทคโนโลยีดังกล่าว คือ เมื่อ รถบรรทุกเคลื่อนที่ผ่านสะพาน อุปกรณ์ที่อ่านค่าจะถูกนำไปติดตั้งใต้สะพาน เมื่อรถเคลื่อนที่ผ่าน จะมีStrain Gages คอยทำหน้าที่การยืดหดตัวจึงทำให้สามารถทราบน้ำหนักและประเภทของรถบรรทุกคันดังกล่าวได้
รูปบนแสดง หลักการทำงาน การตรวจชั่งรถบรรทุกหนักแบบไม่หยุดรถชนิดติดตั้งใต้สะพาน (Bridge Weigh-in-Motion: B-WIM)
ตัวอย่างบนแสดง ผลการบันทึกข้อมูลการตรวจชั่งรถบรรทุกหนักแบบไม่หยุดรถชนิดติดตั้งใต้สะพาน (Bridge Weigh-in-Motion: B-WIM)ทำให้ทราบถึง น้ำหนักเพลา ระยะเพลา และความเร็วของรถที่วิ่งได้
ตัวอย่างบนแสดง ผลการบันทึกข้อมูลการตรวจชั่งรถบรรทุกหนักแบบไม่หยุดรถชนิดติดตั้งใต้สะพาน (Bridge Weigh-in-Motion: B-WIM) ทำให้ทราบถึง น้ำหนักเพลา ระยะเพลา และความเร็วของรถที่วิ่งได้
ตารางบนเปรียบเทียบเทคโนโลยีการตรวจชั่งรถบรรทุกหนักแบบไม่หยุดรถชนิดติดตั้งใต้สะพาน (Bridge Weigh-in-Motion: B-WIM)กับวิธีการตรวจชั่งน้ำหนักรถบรรทุกหนักแบบต่างๆ